poker online

ปูนปั้น

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - Sirintha

1
หากใครที่เคยไปเที่ยวหรือออกทริปที่อิตาลี แล้วได้แวะเที่ยวเมืองหลายๆเมืองแล้วไม่ว่าจะโรม ฟลอเรนซ์ เวนิส หรือมิลานกระทั่งเบื่อ แล้วอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศไปสัมผัสกับความสวยงามของอิตาลีที่แตกไม่เหมือนกับเดิม มาลองกับทริปเที่ยวอิตาลี 10 วัน แถบเมืองริมฝั่งที่ไม่ได้ยอดนิยมดูสิ แม้ว่าจะดูเฉยๆแต่ก็มีเสน่ห์ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ทั้งทิวทัศน์สมุทรสวยงาม อาหารอร่อย และบรรยากาศพักผ่อนแบบสบายๆที่กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวสายชิลล์ และคนที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายบ้างสักหนึ่งครั้ง




เที่ยวเมืองชายฝั่งอิตาลี 10 วัน: แนะนำฤดูที่คุณไม่ควรพลาด!
ถ้าหากพูดถึงการเที่ยวทะเล มั่นใจว่าหลายคนมักต้องรำลึกถึงฤดูร้อนเสมอ เนื่องจากว่าเป็นช่วงที่เหมาะกับการเดินเล่นริมริมหาด อาบแดดชิลๆเล่นน้ำแบบเย็นสบาย หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งได้แบบเต็มที่ ซึ่งถ้าหากคุณวางแผนเที่ยวอิตาลี 10 วันในช่วงฤดูร้อน เมืองริมตลิ่งคือคำตอบแน่นอน เนื่องจากว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นที่คนยุโรปและนักท่องเที่ยวจากทั่วทั้งโลกต่างมาสมุทรเพื่อเที่ยวพักกันแบบเต็มที่ แต่สำหรับคนไทยที่ไม่ถูกใจอากาศร้อน เพราะว่าเบื่อกับฤดูร้อนที่บ้านพวกเราเองอยู่แล้ว อิตาลีเองช่วงนี้ก็ไม่แตกต่างจากบ้านพวกเรามาก แถมร้อนแบบแห้งๆในแบบที่หายใจแล้วแสบจมูกกันเลยทีเดียว ซึ่งใครที่ต้องการสัมผัสซัมเมอร์อิตาลีก็จัดไป แต่หากใครอยากเที่ยวแบบอากาศสบายๆก็เลือกตามฤดูอื่นได้เหมือนกัน ได้แก่

ฤดูใบไม้ผลิ - อากาศที่เริ่มอุ่นๆดอกไม้เริ่มผลิบาน ฝนโปรยปรายปลายบ้างน้อย เหมาะกับการเดินเที่ยวป่า ชมธรรมชาติ และยังไปช่วงที่นักท่องเที่ยวน้อย เหมาะกับคนที่ต้องการเที่ยวสบายๆ

ฤดูร้อน - ช่วงท็อปได้รับความนิยมของการเที่ยวทะเล อากาศร้อนจัด โดยมีอุณหภูมิ 25-35 °C โดยนักท่องเที่ยวและคนอิตาลีจะแห่ไปริมตลิ่ง ทำกิจกรรมกลางแจ้งกันแบบเต็มที่

ฤดูใบไม้ตก - อากาศเริ่มเย็นลงแบบมองเห็นได้ชัด ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี บรรยากาศแบบเบาสบายที่ให้ความรู้สึกโรแมนติก เหมาะกับการเดินเล่นชมเมืองและเที่ยวงานเทศกาลตามเมืองต่างๆ

ฤดูหนาว - เหมาะกับคนที่ชื่นชอบอากาศหนาว และหิมะ ช่วงคริสต์มาสหรือปีใหม่ทางเหนือของอิตาลี หิมะจะตกหนัก เล่นสกีได้แบบเต็มที่ แต่ในเมืองริมสมุทรส่วนมากจะเงียบ ร้านปิดกันเยอะแยะ และสามารถเข้าเที่ยวธรรมชาติได้แบบสบายๆ

อิตาลีใต้สำหรับผู้ชื่นชอบชีวิตช้า: 10 วันแห่งการผจญภัยในดินแดนในฝัน!
ทางตอนใต้ของอิตาลี เป็นดินแดนในฝันของนักท่องเที่ยวหลายๆคนในช่วงพักร้อน ด้วยเหตุว่าเป็นหลักที่ริมตลิ่งที่เหมาะกับการมาพักอย่างแท้จริง แล้วยังได้เที่ยวในสถานที่หรือแลนด์มาร์กสำคัญที่สวยๆน้ำทะเลใสๆของสมุทรเมติเตอร์เรเนียมได้แบบเต็มที่ โดยเหตุนั้นมาส่องริมฝั่งอมาลฟี้ในการเที่ยวอิตาลี 10 วันกันดีกว่า ว่ามีเมืองไหนน่าเที่ยวบ้าง

อมาลฟี (Amalfi) - เมืองเล็กริมชายฝั่งทะเลที่ผสมผสานธรรมชาติกับประวัติศาสตร์ได้อย่างกลมกลืน คุณสามารถเดินเล่นในเมืองแบบชิลล์ๆหรือจะล่องเรือชมทิวทัศน์ชายฝั่งก็ได้บรรยากาศที่แตกแตกต่างไป ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดในเมืองนี้เลยคือ ริมทะเลอมาลฟี ที่เต็มไปด้วยน้ำทะเลใส ทิวทัศน์สวยเหมาะกับการนอนอาบแดด พักหย่อนยานใจได้แบบเต็มที่, มหาวิหารอันดรอว์ ที่กระโดดเด่นด้วยบันไดหินอ่อน และพิพิธภัณฑ์กระดาษโบราณ ที่สอนทำกระดาษแบบดั้งเดิมให้คุณได้ทำเองกับมือ

โปซิตาโน (Positano) - เมืองริมเขาหินสุดคัลเลอร์ฟูล บ้านเรือนหลากหลายสีสันลดหลั่นลงสู่สมุทรอย่างสวยงาม กระทั่งกลายเป็นภาพจำของริมตลิ่งอมาลฟี ที่นี่มี Spiaggie Grande เป็นชายทะเลหลักที่ถ่ายภาพได้สวยมาก, เส้นทางเทพเจ้า (Path of Gods) ที่เปิดให้เดินชมทิวทัศน์ และโบสถ์ Santa Maria Assunta ที่กระเบื้องโมเสกด้วยโดม จนถึงกระโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์

ซอร์เรนโต (Sorrento) - เมืองเล็กริมอ่าวเนเปิลส์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น "ประตูสู่ริมฝั่งอมาลฟี" เต็มไปด้วยเสน่ห์จากทั้งทิวทัศน์สมุทร และกลิ่นอายของเมืองยุโรปเก่าๆจุดเช็กอินที่น่าเที่ยวและน่าสนใจเลยคือ ท่าเรือ Marina Grand ที่มีร้านอาหารสมุทรและเต็มไปด้วยวิถีชีวิตแบบคนเมือง, สวน Villa Comunalae จุดชมทิวทัศน์พระอาทิตย์ตก และ Bath Of Queen Giovanna สระธรรมชาติที่ปิดล้อมไปด้วยผา เหมาะกับการว่ายน้ำ พักคลายร้อน

ราเวลโล (Ravello) - เมืองบนผาสูงที่เงียบสงบแต่ทิวทัศน์สุดอลังการ การันตีความงามด้วยการถูกใช้ไปโปรโมตการท่องเที่ยวของอิตาลี มีจุดไฮไลต์เลยคือ Villa Rufolo คฤหาสน์พร้อมสวนที่สวยงามให้เปิดชม, Villa Cimbrone ที่มีมุมถ่ายภาพโรแมนติกสุดๆและมหาวิหารราเวลโล ที่มีศิลป์ผสมผสานระหว่างบาโรกกับโรมาเนสก์ได้แบบลงตัว

คาปรี (Capri) - เกาะสรวงสวรรค์แห่งสมุทรเมดิเตอร์เรเนียม ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และเป็นที่พักของคนดังทั้งโลก แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในแถบริมฝั่งอมาลฟีโดยตรง แต่ก็ใกล้กระทั่งสามารถไปเที่ยวได้อย่างงายดาย สถานที่ท่องเที่ยวดังๆจะมี Blue Grotto ถ้ำมรกตที่มีน้ำในถ้ำส่องแสงแสงสีฟ้าอย่างน่าทึ่ง, ถนนหนทาง Via Krupp ทางเดินคตบดที่ให้ชมทิวทัศน์สมุทรสุดปัง และสวนออกัสตัส ที่เต็มไปด้วยดอกไม้สวยๆและทิวทัศน์สมุทรสุดอลังการให้ชมได้พร้อม

บทสรุป
สำหรับใครก็ตามที่วางแผนจะไปเที่ยวหรือออกทริปที่อิตาลีแบบยาวๆ10 วันเต็ม โดยมีเป้าหมายคือการพัก ทางตอนใต้ของอิตาลีตามแนวริมฝั่งอมาลฟี้ นับว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่ตอบปัญหาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากว่ามีประสบการณ์สุดพิเศษให้ได้สัมผัสกันแบบเต็มที่ ทั้งการเดินเที่ยวชมเมือง บรรเทาร้อนที่สมุทร หรือลุยกิจกรรมกลางแจ้งอีกมากมาย ผ่านเมืองต่างๆในแถบริมฝั่งอมาลฟี้ และอิตาลีใต้ ซึ่งรับรองได้ว่าถ้าเกิดคุณได้ลองมาสักหนึ่งครั้งจะได้รับประสบการณ์พักแบบสบายๆที่ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน
2
ถ้าคุณกำลังมองหาการเดินทางที่มากกว่าเพียงแค่การเที่ยวเมืองดัง ถ่ายภาพแลนด์มร์กยอดนิยม ลองเปลี่ยนบรรยากาศมา เที่ยวทวีปยุโรป ทางฝั่งยุโรปเหนือสักหนึ่งครั้งดูสิ เนื่องจากที่นี่คือดินแดนสนอัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่เรียบง่าย แต่สุดอลังการ ทั้งฟยอร์ด แสงเหนือ และภูเขาหิมะที่ดูเหมือนฉากในเทพนิยาย ซึ่งที่สแกนดิเนเวียที่อยู่ฝั่งยุโรปเหนือไม่ได้มีเพียงแค่ความงามทางธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังมีวัฒนธรรมที่สงบ อบอุ่น และเข้าถึงได้ง่าย สถลาปัตยกรรมที่ผสมผสานความทันสมัยกับความดั้งเดิมไว้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นนอร์เวย ประเทศฟินแลนด์ หรือเดนมาร์ก รับรองว่าการออกมาเที่ยวเสี่ยงภัยใหม่ๆในครั้งจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใคร และสร้างความประทับใจแบบไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน




สำรวจยุโรปเหนือ - แนะนำการเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง
สำหรับใครที่เริ่มสนใจต้องการไปเที่ยวทวีปยุโรปเหนือ หรือในแถบสแกนดิเนเวีย การเตรียมพร้อมนับว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เนื่องจากในภูมิภาคนี้มีอากาศหนาวเย็นกว่าภูมิภาคอื่นอย่างชัดเจน และยังเป็นแถบพื้นที่ที่มีค่าครองชีพสูงมาก ซึ่งเทคนิคในการเตรียมความพร้อมให้พร้อมทั้ง เสื้อผ้า ข้าวของที่จำเป็นจะต้อง และงบประมาณสำหรับการเที่ยว มีดังนี้

เสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาว - การจัดแจงเสื้อผ้าสำหรับการเที่ยวยุโรปเหนือเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกๆเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวหรือที่ไปล่าแสงเหนือกัน ควรจะจัดแจงเสื้อผ้าแบบหลายๆชั้น พร้อมเสื้อกันลม - กันหิมะ ถุงมือ หมวกไหมพรม ผ้าสำหรับพันคอ ถุงเท้า และรองเท้ากันน้ำลื่น รวมถึงแว่นกันลมด้วย ถ้าเกิดมีกิจกรรมกลางแจ้งท่ามกลางหิมะ

เอกสารสำคัญ - อย่าลืมตระเตรียมหนังสือเดินทาง วีซ่าเชงเก้ง ประกันเดินทางที่ครอบคลุมทั้งอุบัติเหตุและสุขภาพ รวมถึงสำเนาเอกสารสำคัญต่างๆดังเช่น ตั๋วเครื่องบิน และที่พัก รวมถึงควรจะพกทั้งแบบกระดาษและแบบสำรองไว้ภายในมือถือด้วย เพื่อความสะดวกในการยืนยันตัวตน หรือการไปเที่ยว

งบประมาณ - สำหรับคนที่ไปเที่ยวยุโรปต้องจัดแจงงบเอาไว้ในระดับหนึ่ง ด้วยเหตุว่ายุโรปเหนือมีค่าครองชีพค่อนข้างสูง งบเที่ยว 7-10 วันต่อคนจะอยู่ที่ประมาณ 70,000 -150,00 บาทเลยทีเดียว ขึ้นกับสไตล์การเที่ยว ยกตัวอย่างเช่น ที่พักแบบ Glass Igloo หรือกิจกรรมพิเศษที่เลือกทำ ควรจะเผื่อเงินไว้สำหรับค่าเดินทาง อาหาร และกิจกรรมสำรองด้วย

ข้าวของที่ต้อง - อะแอปเตอร์ปลั๊กไฟแบบยุโรป (Type C) พาวเวอร์แบงค์ กล้องถ่ายภาพ (สำหรับสายถ่ายภาพ) และอาหารแห้งเป็นสิ่งที่ควรจะตระเตรียมไว้สำหรับคนที่ต้องการประยืดค่าอาหาร นอกเหนือจากนั้นแนะนำว่าแม้พักแบบ Airbnb ที่มีครัว จะสามารถทำอาหารเองได้ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้เป็นอย่างมาก

การเดินทางในประเทศ - การเดินทางภายในแถบนี้ค่อนข้างที่จะสะดวกสบาย โดยยิ่งไปกว่านั้นรถไฟที่ครอบคลุมทั้งในสวีเดน เดนมาร์ก และประเทศนอร์เวย์ รวมถึงเรือเฟอร์รีที่สามารถพาไปชมฟยอร์ดหรือข้ามเมืองได้ โดยมากที่ชื่นชอบการเที่ยวแบบอิสระ แนะนำว่าลองเช่ารถขับเล่นแถบบ้านนอกดูได้

ฤดูกาลท่องเที่ยว - ฤดูร้อนเป็นช่วงอากาศที่ดีที่สุดในฝั่งยุโรป กลางวันยาว และมีพระอาทิตย์เที่ยงคืน เหมาะกับคนที่ถูกใจกิจกรรมกลางแจ้ง ส่วนในฤดูหนาวจะเหมาะกับคนต้องการสัมผัสหิมะและล่าแสงเหนือ ขณะที่ฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ตกจะเงียบสงบที่สุด นักท่องเที่ยวน้อย ราคาที่พักมักถูกลงซึ่งเหมาะกับสายชิลหรือคนที่งบน้อย

การเดินทางสุดประทับใจ - 5 ประเทศยุโรปเหนือที่คุณต้องไป
ทีนี่มาลองพูดถึงประเทศที่น่าเที่ยวยุโรปเหนือ หรือแถบสแกนดิเนเวียกันเลยดีมากกว่า โดยมี 5 ประเทศที่น่าสนใจในการท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละประเทศก็มีสถานที่ท่องเที่ยว กิจกรรมที่น่าสนใจ รวมถึงอาหารที่แตกแตกต่างกันไปดังต่อไปนี้

ประเทศนอร์เวย์ (Norway) - ดินแดนแห่งฟยอร์ดและแสงเหนือที่แท้จริง สถานที่ยอดนิยมเลยคือ Tromsø, Lofoten, ฟยอร์ด Geirangerfjord และ Oslo โดยกิจกรรมที่เด่นที่นี่คือ การล่องเรือ เดินป่าชมทิวทัศน์ และล่าแสงเหนือ ส่วนในด้านของกินแนะนำเป็นปลาแซลมอนสด, ปลาแซลมอนดอง และขนมปังน้ำผึ้งทาด้วยเนยและชีสชนิดพิเศษ

สวีเดน (Sweden) - ประเทศที่ผสมผสานธรรมชาติเข้ากับเมืองได้อย่างสวยงามอย่าง Stockholm, Goteborg และ Ice Hotel ใน Jukkasjärvi โดยมีกิจกรรมที่แนะนำเลยคือ การพักโรงแรมน้ำแข็ง ล่าแสงเหนือ และชมพิพิธภัณฑ์เรือ Vasa ส่วนในด้านของอาหารที่เด่นเลยคือ ลูกชิ้นเนื้อในชอนเกรวี่, ปลาแซลมอนหมักเกลือ และขนมปังซินนามอนโรล

เดนมาร์ก (Denmark) - โคเปนเฮเกนคือเมืองหลังของเดนมาร์ก มีทั้ง Nyhavn, Tivoli และราชสำนัก Amalienborg เหมาะกับการปั่นจักรยาน เดินเที่ยวชมปราสาท และลองเบียร์ทำมือจากความสามารถ ซึ่งมีเมนูแนะนำเลยคือ ขนมปังหน้าเปิดที่มีท็อปปิ้งหลากหลาย, ของหวานอบแบบดั้งเดิม และปลาทอดกับมันฝรั่ง

ประเทศฟินแลนด์ (Finland) - ที่นี่คุณจะได้เดินเที่ยวเล่นกลุ่มบ้านซานตาคอสที่ Rovaniemi, ชมเมือง Helsinki และล่องเรือตัดน้ำแข็งที่ Kemi กิจกรรมเด่นคือเลื่อนกวาง ล่าแสงเหนือ และแช่น้ำแข็ง ซึ่งเหมาะกับคนที่ชื่นชอบอากาศหนาวเย็นอย่างแท้จริง ส่วนของกินที่แนะนำเลยคือ ขนมปังข้าวไรย์ไส้ข้าวหรือมันฝรั่ง, ซุปปลาซอลมอน และแยมผลเบอร์รี่ท้องถิ่น

ไอซ์แลนด์ (Iceland) - ดินแดน้ำแข็ง-ไฟ กับจุดไฮไลต์อย่าง Reykjavik, Golden Circle, Glacier Lagoon และ Blue Lagoon บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ กิจกรรมหลักของที่นี่มักเป็นการแช่ในน้ำร้อน ล่าแสงเหนือ และเดินสำรวจถ้ำน้ำแข็ง อาหารที่ห้ามเลยคือ สตูว์เนื้อแกะ, ฮอทดอกมีชื่อเสียงของไอซ์แลนด์ และโยเกิร์ตประจำถิ่น

บทสรุป
กลุ่มประเทศที่อยู่ในทวีปยุโรปเหนือหรือสแกนดิเนเวีย มักมีเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่เด่นชัดในเรื่องของธรรมชาติที่มากับความหนาวเย็น ซึ่งในจุดนี้คุณสามารถเลือกเป้าหมายตามความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นทางสายธรรมชาติ สายวัฒนธรรม หรือสายอาหาร และที่สำคัญที่สุดในการไปเที่ยวยุโรปเหนือเลยคือ อย่าลืมจัดแจงและงบประมาณให้เหมาะสมกับการออกทริปด้วย เพื่อให้การไปเที่ยวคราวนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำที่สุด โดยการเที่ยวที่นี่อาจใช้งบประมาณค่อนข้างสูง แต่ประสบการณ์ที่ได้ รับรองได้เลยว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน
3
งบเที่ยวฝรั่งเศส เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวในยุโรปแล้ว "ประเทศฝรั่งเศส" ชอบโผล่ขึ้นมาในหัวเป็นอันดับแรกๆเสมอ ไม่ว่าจะเคยออกทริป หรือทริปครั้งที่สิบ เพราะเหตุว่าประเทศนี้มีเสน่ห์ที่น่าค้นหาอยู่เสมอ แต่สำหรับใครที่เคยไปเยี่ยมประเทศฝรั่งเศสมาแล้วบ่อยครั้ง จนถึงเริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง ปารีส นีซ หรือบอร์กโดซ์ อาจกำลังมองหามุมใหม่ๆที่แตกต่างออกไป ซึ่งในคราวนี้พวกเราพาคุณไปสำรวจงบเที่ยวประเทศฝรั่งเศสแบบ Unsee กับเมืองรองและสถานที่แปลกใหม่ที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยจอแจ ได้สัมผัสกับความสงบ ความเรียบง่าย และเสน่ห์ท้องถิ่นอย่างแท้จริง ถ้าเกิดคุณต้องการเที่ยวประเทศฝรั่งเศสแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใคร บทความนี้จะเป็นคำตอบให้คุณได้เลย



แนวทางเตรียมตัวและงบประมาณสำหรับการท่องเที่ยวฝรั่งเศส - ข้อมูลสำคัญก่อนเดินทาง
ไม่ว่าจะเดินทางไปประเทศไหน การเตรียมให้พร้อมคือกุญแจสำคัญที่จะก่อให้การออกทริปของคุณราบรื่นและสนุกมากเพิ่มขึ้น ยิ่งหากพูดถึงงบเที่ยวประเทศฝรั่งเศส ที่หลายคนมักเห็นว่าเป็นประเทศที่ต้องใช้เงินเยอะแยะเป็นอย่างมาก แต่เอาเข้าจริงแล้วถ้าหากว่าวางแผนดีๆก็สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ และยังเหลืองบไว้สำหรับเที่ยวทริปหน้าได้อีกด้วย ซึ่งสำหรับใครที่กำลังจัดเตรียมหรืออยากไปเที่ยวประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเส้นทางแบบ Unseen หรือเมืองรองที่ต้องออกนอกเส้นทางหลักไปบ้าง มาลองเช็กสิ่งที่ต้องจัดเตรียมไว้ดังต่อไปนี้ได้เลย

การจัดเตรียมเอกสาร - ก่อนออกเดินทาง อย่าลืมตรวจสอบ "หนังสือเดินทาง" ว่ามีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน พร้อมจัดการเรื่อง "วีซ่าเชงเก้น" ให้เรียบร้อย รวมถึงการทำ "ประกันเดินทาง" และเอกสารอื่นๆที่ควรจะติดตัวด้วย ตัวอย่างเช่น ตั๋วเครื่องบิน ใบจองที่พัก แพลุกลี้ลุกลนท่องเที่ยว หรือหากแม้แต่สำเนาเอกสารสำคัญกรณีเกิดเหตุเร่งด่วน เก็บเอาไว้ภายในกระเป๋าที่จับหรือพกพาติดตัวได้ง่ายท่สุด

สิ่งของและอุปกรณ์ต้อง - ที่ประเทศประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีอากาศเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลอย่างชัดเจน ควรจะตระเตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะกับช่วงฤดูที่จะไป และอย่าลืมหารองเท้าดีๆสักคู่ไว้สำหรับใส่เดินทางไกล เนื่องจากการเที่ยวเมืองรองหรือสถานที่ Unseen มักต้องเดินเยอะแยะกว่าปกติ นอกเหนือจากนี้อย่าลืม ซิมการ์ดหรือ Pocket Wifi, พาวเวอร์แบงค์, ปลั๊กแปลงไฟแบบยุโรป (Type C) และของใช้ส่วนตัวอื่นๆที่ต้องด้วย เนื่องจากจะได้ไม่ต้องไปเสียตังซื้อที่นู่นในตอนที่เกิดเหตุจำเป็นจะต้อง

วางแผนงบประมาณให้พอเหมาะ - การคิดเรื่องงบในทริปประเทศฝรั่งเศสไม่ได้มีเพียงแค่ค่าตั๋วเครื่องบินและค่าที่พักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงค่าเดินทางภายในประเทศ ค่าอาหาร ค่าเข้าชมสถานที่ (บางที่ที่เสียเงิน) และค่าช้อปปิ้งสำหรับการจับจ่ายซื้อของนิดๆหน่อยๆไว้ด้วย ถ้าหากคุณวางแผนไปเที่ยวในช่วง Low season ก็อาจได้ราคาที่พักและตั๋วเครื่องบินที่ถูกลง หรือเลือกพักแบบ โฮลเทล, Airbnb หรือที่พักแบบ Local Guesthouse ก็ช่วยประยืดงบได้เยอะแยะด้วยเหมือนกัน สำหรับใครที่ต้องการออกชานเมืองใหญ่ การเช่ารถก็จัดว่าเหมาะสม เพราะเหตุว่าจะช่วยทำให้คุณเดินทางไปจุดต่างๆที่รถสาธารณะเข้าไม่ถึงได้สะดวกมากขึ้น นอกเหนือจากนี้จะต้องมี "งบสำรอง" เผื่อในเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดด้วย เป็นต้นว่า รถเสีย หรือเหตุเร่งด่วนด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ

การเตรียมตัวสำหรับการไปเที่ยวประเทศฝรั่งเศส จึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของเอกสารและงบประมาณเท่านั้น แต่ยังเชื่อมไปถึงการวางแผนเพื่อให้ทริปเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่า สนุกและเต็มไปด้วยความทรงจำดีๆการจัดการล่วงหน้าเพียงเล็กน้อยก็จะสามารถช่วยทำให้คุณเที่ยวได้แบบสบายใจมากขึ้น จนถึงไม่ต้องกังวลว่าจะทำอย่างไรกลางแทนอย่างแน่นอน

เตรียมงบเล็กๆ ไปเที่ยวเมืองเล็กๆ ในฝรั่งเศสที่หลายคนยังไม่รู้จัก!
หากต้องการเที่ยวประเทศฝรั่งเศสในมุมที่ไม่เหมือนใคร ลองเปลี่ยนจากสถานที่ยอดนิยม หรือเมืองใหญ่ๆมาเป็นการออกสำรวจเมืองรองหรือกลุ่มบ้านเล็กๆดูสิ เนื่องจากว่าที่กลุ่มนี้อาจมีอะไรที่หลายคนยังไม่รู้จัก แถมใช้งบเที่ยวประเทศฝรั่งเศสน้อยกว่าเที่ยวเมืองใหญ่ๆแน่ พวกเราขอแนะนำเมืองรองที่น่าเที่ยวที่ทำให้คุณหลงรักประเทศฝรั่งเศสในแบบที่ต่างออกไป

บลัวส์ (Blois) - เมืองเล็กริมแม่น้ำลัวร์ที่สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยสถลาปัตยกรรมเก่าแก่แบบยุคกลาง และมีปราสาทบลัวส์ (Château de Blois) เป็นจุดเด่นที่ดึงดูดสายตา สำหรับใครที่ถูกใจเที่ยวตามแนวประวัติศาสตร์ จะต้องประทับใจกับที่นี่แน่นอน เนื่องจากมีทั้งช็องบอร์ เซอท่วมโซ และอองบวซ ที่แต่ละแห่งต่างก็มีเรื่องราวเป็นของตนเอง

กอร์ดส์ (Gordes) - กลุ่มบ้านบนเนินเขาในแคว้นโพรวองซ์ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มบ้านที่สวยที่สุดในประเทศฝรั่งเศส บ้านเรือนสีขาวที่ไล่ระดับตามไหล่เขาให้บรรยากาศแบบฉากในหนังยุคโบราณ เดินเล่นเพลิดเพลินๆชมทิวทัศน์เมืองจากข้างบน แล้วแวะไปที่ปราสาทกอร์ดส์ใจกลางกลุ่มบ้านได้ด้วย

ซูลท์ (Sault) - ใครที่หลงรักทุ่งลาเวนเดอร์ หรือความยุติธรรมชาติ ต้องไม่พลาดกับเมืองเล็กๆแห่งนี้ในแคว้นโพรวองซ์ ที่เต็มไปด้วยสีม่วงสดใสในฤดูร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ซึ่งนับว่าเป็นไฮซีซั่นของลาเวนเดอร์ ถึงแม้ว่าจะไปช่วงอื่นของปีที่ไม่ใช่ช่วงนี้ เมืองนี้ก็ยังมีเสน่ห์ไม่แพ้ที่อื่นด้วยเหมือนกัน ด้วยเหตุว่าเต็มไปด้วยบ้านเรือนสไตล์ท้องถิ่นที่ให้บรรยากาศอบอุ่น เหมาะกับการเดินเล่น กินลม ดูทิวทัศน์แบบเพลิดเพลินๆ

อองกีเซม (Eguisheim) - กลุ่มบ้านสีลูกกวาดแห่งแคว้นอัลซัส ที่ถูกโหวตให้เป็นกลุ่มบ้านที่มีความน่ารักที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส ด้วยบ้านทรงยุโรปยุคกลางสีพาสเทล ประดับด้วยดอกไม้สดใสทั้งเมือง บรรยากาศที่เหมาะกับการถ่ายรูปแบบสุดๆยิ่งกว่านั้นยังเป็นหนึ่งในจุดเริ่มแรกของเส้นทางเหล้าองุ่นอัลซัส (Alsace Wine Route) สำหรับสายเหล้าองุ่นที่อยากลองลองของดีท้องถิ่น

จิแวร์นี่ (Giverny) - เมืองเล็กๆในแคว้นนอร์มังดีที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของงานศิลปะ เนื่องจากว่าที่นี่คือบ้านของจิตรกรมีชื่ออย่าง "โคลด โมเนต์ (Claude Monet)" ซึ่งตอนนี้เปิดให้เข้าชมได้ โดยภายในมีทั้งบ้านที่ตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ และสวนดอกไม้ที่สวยอย่างกับภาพวาด โดยยิ่งไปกว่านั้นสระบัวที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผลงานชิ้นโบแดงของเขา คุณสามารถเดินเล่นถ่ายภาพได้แบบเพลิดเพลินๆทุกที่เลย

บทสรุป
ทั้งหมดนี่เป็นเพียงแต่ส่วนหนึ่งของเมืองหรือกลุ่มบ้านเล็กๆที่รอให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเที่ยวและสัมผัสบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งสำหรับใครที่กำลังวางแผนออกทริปประเทศฝรั่งเศส แต่เริ่มเบื่อๆกับการเที่ยวตามเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ที่มีแต่อะไรเดิมๆการออกไปยังแคว้นอื่นๆตามเมืองเล็กๆก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว แค่เพียงคุณลองเปิดใจเที่ยวในสถานที่ไม่คุ้นเคยดู รับรองว่าคุณจะได้รับประสบการณ์และความทรงจำดีๆในการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน
4
เที่ยวเบลเยี่ยมเนเธอร์แลนด์ ถ้าเกิดใครกำลังมองหาเส้นทางเที่ยวยุโรปที่ให้บรรยากาศโรแมนติกสุดคลาสสิก เดินทางง่าย และได้สัมผัสเสน่ห์ที่หลากหลายในทริปเดียว การได้เที่ยวประเทศเบลเยี่ยมเนเธอร์แลนด์คือตัวเลือกหนึ่งที่คุณไม่ควรจะมองดูข้าม เนื่องจากว่าทั้งสองประเทศที่ตั้งอยู่ติดกัน การไปเที่ยวแบบตลอดจึงทำได้ง่ายแบบไม่ต้องขอคืนดีเครื่องบินเลย แถมทั้งสองที่ยังมีวัฒนธรรมบางอย่างที่คล้ายกัน แต่ก็เอกลักษณ์ส่วนตัวที่น่าสนใจในแต่ละเมือง ไม่ว่าจะเป็นเมืองเล็กแสนอบอุ่น ไปจนถึงเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยสีสัน เส้นทางท่องเที่ยวนี้จึงเหมาะกับคนที่ต้องการออกทริปแบบคุ้มๆเก็บแลนมาร์กได้ครบ และได้บรรยากาศแบบยุโรปอย่างแท้จริงอีกด้วย



คำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว: เมืองที่น่าสนใจตามเส้นทางเบลเยี่ยมเนเธอร์แลนด์

แม้คุณกำลังวางแผนเที่ยวประเทศเบลเยี่ยมเนเธอร์แลนด์ เส้นทางที่ทางพวกเราจะแนะนำตั้งแต่นี้ต่อไป นับว่าเป็นเส้นทางที่สะดวกและได้สัมผัสบรรยากาศท่องเที่ยวที่หลากหลายอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยสถลาปัตยกรรมสุดคลาสสิก หรือเมืองใหม่ที่กระโดดเด่นด้วยดีไซน์สุดล้ำอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล โดยแนะนำให้เริ่มจาก บรัสเซลส์ เมืองหลวงของประเทศเบลเยี่ยมแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยๆแวะเที่ยวเมืองอื่นถัดไปเรื่อยๆ

บรัสเซลส์ - ประเทศเบลเยี่ยม
เมืองหลวงของประเทศเบลเยี่ยม และศูนย์กลางของสหภาพยุโรป บรัสเซลส์กระโดดเด่นด้านความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์และการเมือง มีสถานที่น่าสนใจอย่าง "อโตเมีย (Atomium)" สัญลักษณ์ที่สร้างขึ้นมาจากแรงบันดาลใจของอะตอม, จัตุรัสกรองด์ ปลาช (Grand Place) ที่มีความสวยงามติดหนึ่งในอันดับของโลก และศาลาว่าการเมืองที่มีหอระฆังสูงเด่นเป็นเอกลัษณ์ชัดเจน

บรูจส์ - ประเทศเบลเยี่ยม
เมืองแห่งสายน้ำและความโรแมนติกอย่างแท้จริง กระทั่งได้ชื่อว่า "เวนิสแห่งยุโรปเหนือ" ที่นี่เต็มไปด้วยอาคารยุคกลางที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แปลนเมืองที่น่าเดินชม โดยมีสถานที่เด่นๆได้แก่ จัตุรัสกลางเมือง, โบสถ์พระแม่มารี ที่มีผลงานของไมเคิลแองเจโล และมหาวิหารแห่งพระเลือดศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้รักษาพระเลือดของพระเยซูไว้เป็นสมบัติล้ำค่า

เกนต์ - ประเทศเบลเยี่ยม
อีกหนึ่งเมืองที่ให้กลิ่นอายความเป็นยุคกลางได้อย่างชัดเจน เกนต์มีความเหมือนบรูจส์แต่มีเสน่ห์เฉพาะบุคคลที่แตกแตกต่างไป โดยสถานที่แนะนำให้แวะเที่ยวเลยคือ ปราสาทเกรเวนสตีนที่เหมือหลุดออกมาจากเทพนิยาย, มหาวิหารเซนต์บาโวที่มีหน้าต่างกระจกสีสันงดงาม รวมถึงศาลาว่าการเมืองเกนต์ ที่อลังการด้วยสไตล์ส่วนตัวอย่างเฟลมิชบาโรก

แอนต์เวิร์ป - ประเทศเบลเยี่ยม
เมืองท่าสำคัญของทางประเทศเบลเยี่ยม ที่ผสมผสานความคลาสสิกแบบดั้งเดิมและความทันสมัยไว้ด้วยกัน มีจุดเด่นคือ สถานีรถไฟกลางแอนด์เวิร์ป ที่สวยงามระดับนานาชาติ, ศาลาว่าการเมืองในสไตล์เรเนสซองส์ และจัตุรัส Grote Mark ที่รายล้อมไปด้วยอาคารเก่าแก่งดงาม พร้อมรูปปั้นน้ำพุบราโว่ที่ให้แวะถ่ายภาพเป็นแลนด์มาร์ค

รอตเตอร์ดัม - เนเธอร์แลนด์
เมืองใหญ่สมัยใหม่ของประเทศเนเธอร์แลนด์ รอตเตอร์ดัมเต็มไปด้วยสโผลงปัตยกรรมสุดล้ำสมัย อย่างเช่น สถานีรถไฟรอตเตอร์ดัมเซ็นทรัล ที่กระโดดเด่นด้วยทรงเฉียบคม, บ้านลูกบาศก์ ที่มีลักษณะสีเหลืองเอียงสุดประหลาด และ Depot Boijmans Van Beuningen คลังเก็บของเก็บผลงานศิลป์ทรงกระจกเงาสุดตระการตาให้ได้รับชม

อัมสเตอร์ดัม - เนเธอร์แลนด์
เมืองหลวงสุดโรแมนติกที่ครบในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นศิลป์ วัฒนธรรม และวิถีชีวติริมคลอง จุดที่ไม่ควรจะพลาดเลยคือ โบสถ์เซนต์นิโคลัส ที่สวยงามเป็นสง่าท่ามกลางเมือง, ตลาดดอกไม้บลูเมนมาร์ค ตลาดลอยน้ำแห่งในโลก และพิพิธภัณฑ์ Rijksmuseum ที่เก็บสมบัติทางศิลป์และประวัติศาสตร์ของชาวดัตซ์ไว้แบบจัดเต็ม เพื่อให้คุณซับประวัติศาสตร์และความเป็นมาได้อย่างแท้จริง

เที่ยวเบลเยี่ยมเนเธอร์แลนด์: คู่มือเลือกช่วงเวลาและแนวทางการเดินทางที่ดีที่สุด

สำหรับใครที่คิดต้องการออกทริปยุโรป และไปเที่ยวประเทศเบลเยี่ยมเนเธอร์แลนด์แล้วละก็ มาลองดูคำแนะนำพื้นฐานพวกนี้ดูก่อนสิ ด้วยเหตุว่าสิ่งนี้จะช่วยทำให้คุณจัดแจงออกไปเที่ยวได้แบบจัดเต็ม พร้อมฝ่าทริปแบบไม่ขาด หรือตกสิ่งสำคัญไปแต่อย่างใด

วีซ่า - ทั้งประเทศเบลเยี่ยมและเนเธอร์แลนด์อยู่ในกลุ่มประเทศเชงเก้ง เพียงแค่ขอวีซ่าเชงเก้นใบเดียวก็สามารถเดินทางไปมาระหว่างสองประเทศได้แบบสบายๆไม่ต้องขอหลายรอบให้ยุ่งยาก

เรื่องภาษา - ในเกือบจะประเทศเบลเยี่ยมจะใช้หลายภาษา ทั้งชาวดัตช์ ประเทศฝรั่งเศส และเยอรมัน ส่วนในฝั่งเนเธอร์แลนด์ใช้ภาษาดัตซ์และฟรีเซียน แต่ไม่ต้องกังวล ด้วยเหตุว่าภาษาอังกฤษสามารถใช้ได้ทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยว

สกุลเงิน - ทั้งสองประเทศใช้เงินยูโร (EUR) เหมือนกัน ซึ่งสามารถจัดแจงแลกเปลี่ยนเงินหรือเปิดใช้งานบัตรเครดิต/เดบิตที่รองรับยูโรไว้ได้เลย

การเดินทาง - หากจะเดินทางข้ามเมืองหรือประเทศ การนั่งรถไฟจัดว่าสะดวกสบายที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดมีแผนในการเที่ยวหลายเมือง แนะนำให้ซื้อบัตร Eurail Pass จะคุ้มค่าและใช้งานได้ง่าย

ไปช่วงไหนดี - ฤดูกาลที่น่าเที่ยวที่สุดคือ ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค - พ.ค) ที่อากาศกำลังดีและดอกไม้บานเต็มสวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฝั่งเนเธอร์แลนด์ หรือถ้าเกิดต้องการได้บรรยากาศเย็นๆสบายๆฤดูใบไม้ตก (ก.ย - พ.่ย) ก็ตอบปัญหาด้วยเหมือนกัน

บทสรุป

การได้ท่องเที่ยวในยุโรปคงเป็นฝันของใครหลายๆคนแน่ และการได้เที่ยวหลายๆประเทศเดียวก็คงเป็นอีกเป้าหมายที่ต้องการได้แน่ ซึ่งเส้นทาง ประเทศเบลเยี่ยม - เนเธอร์แลนด์ ถือได้ว่าตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว เพราะว่าทั้งสองประเทศนี้อยู่ติดกัน เดินทางได้ง่าย และแต่ละเมืองก็มีเสน่ห์เฉพาะบุคคลที่แตกแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ อาหาร หรือทิวทัศน์เมืองที่ไว้สำหรับเป็นจุดถ่ายภาพ ซึ่งสำหรับใครที่ต้องการให้เที่ยวให้คุ้มค่า funnytripholiday ก็มีเส้นทางทัวร์แบบจัดเต็มที่ทั้ง ประเทศฝรั่งเศส ประเทศเบลเยี่ยม และเนเธอร์แลนด์ เข้าเอาไว้ในทริปเดียวกันด้วย ให้คุณเก็บรวมเที่ยวได้ 3 ประเทศแบบไม่มีพลาด เที่ยวสนุก เดินทางสบาย คุ้มค่าทุกวันแน่นอน
5
เที่ยวเยอรมันเดือนธันวาคม เดือนธันวาคมในประเทศเยอรมัน มักเต็มไปด้วยบรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งทั้งเมืองจะถูกประดับไปด้วยแสงไฟ เสียงเพลง ของตกแต่งที่น่ารักน่าเอ็นดู และกลิ่นหอมของของหวานที่อบอวลไปทั่วท้องถนนหนทาง ทำให้การเที่ยวในช่วงนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ความหนาวเย็น แต่ยังเต็มไปด้วยความอบอุ่นหัวใจจากเทศกาลคริสต์มาส ยิ่งไปกว่านี้ยังมีตลาดคริสต์มาส (Christmas Market) ที่จัดขึ้นดูเหมือนจะทุกเมือง ซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญที่ทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นต่างก็เฝ้ารอ เนื่องจากว่าเต็มไปด้วย ของขวัญ อาหารพื้นบ้าน และการแสดงต่างๆที่สร้างสีสันให้ตลอดทั้งวัน

การเที่ยวเยอรมันเดือนธันวาคม จึงนับเป็นอะไรที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าประเทศเยอรมันนับว่าเป็นแหล่งกำเนิดของตลาดคริสต์มาสที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 และยังคงรักษาบรรยากาศสันจมูกเดิมไว้เป็นอย่างดี การได้เดินเที่ยวตลาดตามจัตุรัสเมืองต่างๆจึงไม่ใช่เพียงแค่การช้อปปิ้ง และเดินเล่นทั่วๆไปเท่านั้น แต่มันคือการได้ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมท้องถิ่นแบบแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเมืองใหญ่หรือเมืองเล็ก การได้สัมผัสอากาศหนาว พร้อมชมแสงไฟในช่วงคริสต์มาส จะก่อให้คุณรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในฉากของหนักเทศกาลสุดคลาสสิกอย่างแน่นอน




เลือกเมืองไหนดีในเยอรมันสำหรับเที่ยวตลาดคริสต์มาสเดือนธันวาคม?

การได้ไปท่องเที่ยวเยอรมันเดือนธันวาคม คือการท่องเที่ยวในฤดูกาลแห่งความสุข เพราะว่าเป็นเวลาของตลาดคริสต์มาส (Christmas Market) ที่จัดขึ้นทั่วประเทศ โดยจะเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงคริสต์มาสอีฟ (24 ธันวาคม) หรือบางเมืองอาจวัดตลอดยาวจนถึงสิ้นปี ซึ่งเทศกาลนี้นับว่าเป็นไฮไลต์สำคัญที่พลาดไม่ได้ หากได้มาเที่ยวเยอรมันช่วงเดือนธันวาคม ด้วยเหตุว่าคุณจะได้รับบรรยากาศโรแมนติกแบบยุโรปแท้ๆซึ่งในแต่ละเมืองก็จะมีเอกลักษณ์ในเทศกาลคริสต์มาสในแบบของตน เพราะฉะนั้นมาลองดูกันว่ามีเมืองไหนที่น่าสนใจให้คุณไปเที่ยวเล่นแบบเต็มที่ในช่วงคริสต์มาสกันบ้าง

เบอร์ลิน - ตลาดคริสต์มาสสุดคลาสสิกที่เกนดาร์เมนมาร์ค ที่เต็มไปด้วยบูธขายสินค้าพื้นบ้าน งานหัตถกรรมที่น่าสนใจ และเหล้าองุ่นร้อนให้จิบแก้หนาว และยังมีการแสดงสดในบรรยากาศของจัตุรัสที่สวยที่สุดในเมืองให้ดูได้เรื่อยๆ

มิวนิค - ตลาดคริสต์มาสหลักจะจัดอยู่ที่จัตุรัสพระแม่มารี ซึ่งจัดให้อย่างยิ่งใหญ่ในธีมคริสต์มาสสุดอบอุ่น มีของกินให้เลือกหลากหลาย ของฝากที่น่าสนใจให้ซื้อติดมือกลับบ้าน และการแสดงพื้นบ้านแบบสนิทสนมให้เพลิดเพลินเจริญใจได้ตลอดทั้งวัน

โคโลญ - ตลาดหน้าโบสถ์โคโลญ (Kölner Dom) และยังเป็นหนึ่งในตลาดที่โด่งดังที่สุด โดยมีธีมการตกแต่งอย่างอลังการพร้อมต้นคริสต์มาสขนาดยักษ์ พร้อมรายล้อมไปด้วยบูธผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและอาหารอร่อยอีกมากมาย

เดรสเดน - ถ้าเกิดคุณต้องการสัมผัสตลาดคริสต์มาสแบบดั้งเดิม ต้องที่ Striezelmarkt แห่งเดรสเดน เพราะว่าทีนี่เป็นตลาดเก่าแก่ที่สุดในเยอรมัน มีทั้งเวทีการแสดง กระเช้าสวรรค์สุดคลาสสิก และของหวานอบสูตรโบราณให้ลองลอง

แฟรงก์เฟิร์ต - ตลาดที่ Römerberg ใจกลางเมืองเก่า ตกแต่งเหมือนตำนานเทพนิยาย เต็มไปด้วยของหวานอบประจำถิ่นจากธัญพืช ผลิตภัณฑ์ทำมือที่น่าสะสม และบรรยากาศสุดอบอุ่นท่ามกลางอาคารโบราณสุดคลาสสิก ที่ทำให้คุณเดินเล่นชิลได้แบบเต็มที่

เที่ยวยุโรปหน้าหนาว ไปเที่ยวเยอรมันเดือนธันวาคม กับที่เที่ยวต้องห้ามพลาด

เว้นเสียแต่บรรยากาศช่วงงานคริสต์มาสแล้ว ช่วงฤดูหนาวเองก็ยังมีที่เที่ยวเยอรมันเดือนธันวาคมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมให้เล่นอย่างการเล่นสกี หรือการเดินชมเที่ยวธรรมชาติสุดสวยงามในหน้าหนาว โดยมีที่เที่ยวน่าสนใจดังต่อไปนี้

ยอดเขาซุกสปิตเซ่ (Zugspitze) - ยอดเขาที่สูงที่สุดในเยอรมัน ตั้งอยู่ที่เมืองการ์มิช - พาร์เท่นเคียร์เป็นต้นว่า มีความมากถึง 2,962 เมตร และเป็นจุดเล่นสกียอดนิยมอีกด้วย โดยบนยอดเขาคุณสามารถแลเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติได้ไกลถึง 4 ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี ออสเตรีย ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี โดยมีหิมะที่ปกคลุมตลอดปีที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ในฤดูหนาวขึ้นไปอีก

ป่าดำ (Black Forest) - ป่าสนหนาแน่นที่ลงนอนยาวตั้งในรัฐบาเดิน - เวอร์ทเทมแบร์ก ทางตะวันตกเฉใต้ของเยอรมัน เป็นหนึ่งในสถานที่เดินป่าที่น่าสนใจ เพราะเหตุว่าเมืองมองจากมุมสูงจะมองเห็นเป็นป่าสีดำทึบ ที่เชิญให้ทราบสึกลึกลับและมีเสน่ห์ บวกกับในฤดูหนาวที่ป่าถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวมาก ช่วยสร้างบรรยากาศที่งดงามและแตกไม่เหมือนกับช่วงอื่นของปี

ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein Castle) - ปราสาทบนผาท่ามกลางขุนเขา ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้กับปราสาทดิสนีย์ ปราสาทแห่งนี้สวยงามตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่สีสันติดกับตัวปราสาท หรือช่วงหน้าหนาวที่ถูกแต่งเติมด้วยหิมะขาวทั่วพื้นที่ เพิ่มความโรแมนติกและเสน่ห์ให้คุณได้เหมือนหลุดเข้าไปในเทพนิยายเลยทีเดียว

หุบเขาพาร์ทนัค (Partnach Gorge) - หุบเขาธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยามานานนับล้านปี มีความยาวประมาณ 702 เมตร และลึกลงไปกว่า 80 เมตร ตรงกลางมีลำธารไหลผ่านซึ่งจะกลายเป็นน้ำแข็งในช่วงฤดูหนาว ติดกับหิมะที่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ ทำให้กลายเป็นทิศน์ธรรมชาติที่งดงามและน่าประทับใจ

บทสรุป

การได้เปิดโลกยุโรป และเที่ยวเยอรมันในช่วงเดือนธันวาคม เปรียบการเดินเข้าไปในโลกแห่งเทพนิยาย ไม่ว่าจะเป็นตลาดคริสต์มาสที่เต็มไปด้วยแสงไฟ สีสันมากมายของเทศกาลสุดขึ้นชื่อ หรือจะไปเดินเล่นธรรมชาติและสถานที่ท่องเที่ยวท่ามกลางหิมะสีขาวแสนบริสุทธิ์ ทุกอย่างล้วนมีเสน่ห์ที่น่าจดจำ ถ้าหากถูกใจบรรยากาศสุดโรแมนติกและอบอุ่นหัวใจ การได้เที่ยวเยอรมันในเดือนธันวาคมจะเป็นอะไรที่ตอบปัญหา และไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน
6
จมูกอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเลียนแบบการรับกลิ่นของมนุษย์ แต่แทนที่จะใช้เซลล์ประสาทรับกลิ่นแบบธรรมชาติ มันใช้ เซนเซอร์พิเศษ ตรวจโมเลกุลของกลิ่นในอากาศ แล้วแปลงข้อมูลเป็นสัญญาณดิจิทัลให้ระบบ AI วิเคราะห์ เทคโนโลยีนี้แม่นยำและรวดเร็วทันใจอย่างไม่น่าไว้วางใจ มันสามารถแบ่งประเภทกลิ่นได้ละเอียดกว่าจมูกมนุษย์ ตรวจค้นกลิ่นที่พวกเราอาจไม่รู้สึกได้ และยังไม่ล้าเหมือนเวลาที่คนพวกเราสูดดมอะไรนานๆ

ตอนนี้ E-nose กำลังถูกเอาไปใช้ในหลากหลายวงการ ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม มันช่วยตรวจสอบคุณภาพของเหล้าองุ่น กาแฟ หรือถึงแม้แต่สูดดมกลิ่นเนื้อสัตว์ว่ายังสดอยู่ไหม ในวงการหมอ มันถูกใช้ในการดมกลิ่นลมหายใจเพื่อตรวจค้นโรคบางชนิด ดังเช่นว่า โรคมะเร็ง เบาหวาน หรือโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ด้านสิ่งแวดล้อม มันสามารถตรวจมลภาวะหรือแก๊สอันตรายในอากาศได้แบบเรียลไทม์ และที่เจ๋งกว่านั้นคือ ในงานด้านความปลอดภัย ก็ยังสามารถตรวจวัตถุระเบิด ยาเสพติด หรือสารเคมีอันตรายได้อย่างแม่นยำ

สิ่งที่ทำให้เทคโนโลยีนี้น่าเร้าใจเพิ่มขึ้นคือการนำ AI, IoT และ Big Data มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้มันเฉลี่ยวฉลาดขึ้นไปอีก ปัจจุบันนี้นักวิจัยกำลังพัฒนาให้ E-nose มีขนาดเล็กลงกระทั่งสามารถใช้งานบนสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์พกพาได้ ถ้าหากวันหนึ่งพวกเราสามารถใช้มือถือเพื่อตรวจสอบคุณภาพอาหาร หรือหากแม้แต่เช็กว่าสุขภาพพวกเราปกติดีไหมจากลมหายใจ จนถึงเรียกได้ว่าเทคโนโลยีนี้กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน กันเลยทีเดียว




จมูกอิเล็กทรอนิกส์ กุญแจสำคัญในการวิเคราะห์สารระเหย ไขกลไกการทำงานที่นี่!

จมูกอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Nose หรือ E-nose) เป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อเลียนแบบกระบวนการรับทราบกลิ่นของมนุษย์ แต่ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์และสติปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์องค์ประกอบของกลิ่นแทนประสาทสัมผัสของมนุษย์ โดยระบบนี้ทำงานผ่าน เซนเซอร์ตรวจสารระเหย (Gas Sensors) ซึ่งสามารถแยกแยะโมเลกุลของก๊าซที่ลอยอยู่ในอากาศ จากนั้นเซนเซอร์จะเปลี่ยนสัญญาณเคมีพวกนั้นเป็นข้อมูลทางกระแสไฟฟ้า และส่งไปยัง ระบบประมวลผลกลาง (Data Processing Unit) เพื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ สติปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอัลกอริธึม Machine Learning

สิ่งที่ทำให้ E-nose แตกไม่เหมือนกับการดมกลิ่นของมนุษย์คือความสามารถในการตรวจหาสารที่สลับซับซ้อนหากแม้ในระดับโมเลกุลที่ต่ำมาก และยังสามารถแยกแยะสารเคมีที่เหมือนคลึงกันได้แม่นยำกว่า โดยกระบวนการทำงานเริ่มจากการที่อากาศถูกดูดเข้าไปในอุปกรณ์ ก่อนที่สารระเหยจะสัมผัสกับเซนเซอร์ที่ถูกออกแบบให้ไวต่อสารเคมีเฉพาะชนิด เมื่อเกิดปฏิกิริยาทางกระแสไฟฟ้า ระบบจะทำการวิเคราะห์ ลายพิมพ์นิ้วมือทางเคมี (Chemical Fingerprint) ของกลิ่นนั้นๆและนำไปเทียบเทียบกับฐานข้อมูลที่มีอยู่

ซึ่งมีการพัฒนาและขยายอย่างสม่ำเสมอผ่านการทำความเข้าใจของ AI จะมีผลให้เทคโนโลยีนี้สามารถแยกแยะความแตกต่างของกลิ่นได้ ถึงแม้เป็นกลิ่นที่มนุษย์รับทราบได้ยาก ยกตัวอย่างเช่น การตรวจสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ในสิ่งแวดล้อม หรือตรวจค้นกลิ่นที่เกี่ยวข้องกับโรคบางชนิดในลมหายใจของมนุษย์ E-nose ถูกเอาไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆไม่ว่าจะเป็นการควบคุมคุณภาพอาหาร การวิเคราะห์ระดับความสดใหม่ของเนื้อสัตว์ การตรวจหาก๊าซพิษในอุตสาหกรรมเคมี หรือถึงแม้กระทั่งใช้ในงานด้านความมั่นคงเพื่อตรวจค้นวัตถุระเบิดและสารเสพติด

อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับ Internet แบบเรียลไทม์เพื่อทำให้การเฝ้าระวังกลิ่นเป็นไปได้แบบเรียลไทม์ นอกนั้น เทคโนโลยีนี้ยังถูกพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงและสามารถติดตั้งในอุปกรณ์พกพา ซึ่งหมายความว่าในอนาคตพวกเราอาจสามารถใช้สมาร์ทโฟนเพื่อตรวจสอบคุณภาพอากาศ หรือหากแม้กระทั่งวิเคราะห์สุขภาพของตนเองผ่านกลิ่นลมหายใจได้ เทคโนโลยี E-nose ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ใช้ในห้องปฏิบัติการเท่านั้น แต่กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของพวกเรามากขึ้น และอาจปฏิวัติวิธีที่มนุษย์รับทราบและวิเคราะห์กลิ่นไปตลอดกาล

ความท้าทายในการพัฒนาเทคโนโลยีจมูกอิเล็กทรอนิกส์ แนวทางการเติบโตและนวัตกรรม ดูรายละเอียดที่นี่!

ถึงแม้ว่า จมูกอิเล็กทรอนิกส์ จะถูกพัฒนาให้สามารถตรวจและวิเคราะห์กลิ่นได้อย่างละเอียด แต่เทคโนโลยีนี้ยังคงพบเจอกับอุปสรรคหลายด้านที่ต้องได้รับการปรับแก้เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หนึ่งในความท้าทายหลักคือ การจำแนกประเภทกลิ่นที่คล้ายกันอย่างละเอียด เนื่องจากองค์ประกอบของสารระเหยในอากาศมีความสลับซับซ้อนสูง และกลิ่นที่มนุษย์คิดว่าแตกแตกต่างกัน บางครั้งอาจมีโครงสร้างทางเคมีที่ใกล้เคียงกันมากจนถึงทำให้เซนเซอร์ตรวจค้นผิดพลาดได้ ยิ่งไปกว่านี้ สภาพแวดล้อมที่ผันแปร ได้แก่ อุณหภูมิ ความเปียกชื้น และมลพิษในอากาศ ยังมีผลต่อความแม่นยำของระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ต้องวิเคราะห์กลิ่นที่มีปริมาณน้อยมาก ความไม่แน่นอนนี้ทำให้การนำเทคโนโลยีไปใช้งานในอุตสาหกรรมบางประเภท เป็นต้นว่า การตรวจโรคจากลมหายใจ หรือการตรวจสอบสารแปดเปื้อนในอาหาร ยังคงต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้สามารถใช้งานได้จริงอย่างแม่นยำ

อีกปัจจัยสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขคือ ความเสถียรของเซนเซอร์ในระยะยาว ปัจจุบันนี้อุปกรณ์ตรวจค้นกลิ่นมักมีปัญหาด้านอายุการใช้งานที่สั้น เนื่องมาจากเซนเซอร์มีลักษณะท่าทางที่จะเสื่อมสภาพเมื่อใช้งานไปนานๆหรือสัมผัสกับสารระเหยบางประเภทบ่อยๆทำให้ต้องมีการเปลี่ยนเซนเซอร์บ่อยซึ่งเพิ่มเงินลงทุนการใช้งาน อีกทั้ง ขนาดของอุปกรณ์ที่ยังค่อนข้างใหญ่และทุนการผลิตที่สูง ทำให้ยังไม่สามารถเข้าถึงตลาดผู้บริโภคทั่วๆไปได้อย่างแพร่หลาย

นอกเหนือจากนั้น การพัฒนา อุปกรณ์ตรวจค้นกลิ่นแบบพกพา ที่มีขนาดเล็กลงและสามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ อุปกรณ์ตรวจสอบคุณภาพอาหารแบบพกพา หรือเครื่องมือช่วยตรวจมลภาวะในอากาศสำหรับใช้ภายในบ้าน กำลังเป็นทิศทางที่ได้รับการพิจัยอย่างมุ่งมั่น ซึ่งในอนาคตอาจนำไปสู่การสร้าง ระบบวิเคราะห์กลิ่นในอุปกรณ์ใส่ (Wearable Smell Detection Systems) ที่สามารถแจ้งเตือนภาวการณ์อันตรายจากสารเคมี หรือหากแม้แต่ช่วยทำให้ผู้ที่มีความผิดปกติในการรับกลิ่นสามารถรับทราบกลิ่นได้ผ่านระบบดิจิทัล เมื่อเทคโนโลยีกลุ่มนี้พัฒนาไปจนถึงจุดที่สามารถเข้าถึงผู้คนได้อย่างกลมกลืน พวกเราอาจได้มองเห็นโลกที่ "กลิ่น" ไม่ใช่เพียงแต่สิ่งที่มนุษย์รับทราบด้วยจมูกอีกต่อไป แต่เป็นข้อมูลที่สามารถนำมาวิเคราะห์ คาดการณ์ และสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและวิทยาศาสตร์ได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว
7
ถ้าคุณเป็นนักเทรดที่กำลังมองหาโบรกเกอร์ที่แจกโบนัสสุดคุ้ม ZFX Thailand คือตัวเลือกที่คุณต้องจับตาดูให้ได้ เนื่องจากว่าที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่แพลตฟอร์มการเทรดที่เสถียร หรือค่าธรรมเนียมที่คุ้มค่า แต่ยัง ขนโปรโมชันโบนัสแบบจัดเต็ม มาช่วยเสริมสภาพชำนาญให้กับเทรดเดอร์ทุกระดับ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่ต้องการเพิ่มทุนให้มากขึ้น หรือสายเทรดขมักเขม้นที่ต้องการลดทุนด้วย zfx bonus ก็มีโบนัสหลายรูปแบบที่ตอบปัญหาทุกกลยุทธ์

เริ่มจากโบนัสเครดิต 20% ที่ให้คุณรับเงินเพิ่มจากทุกยอดฝาก สะสมได้สูงสุดถึง $5,000 ช่วยทำให้คุณมีทุนเทรดมากขึ้นโดยไม่ต้องล้วงกระเป๋ามากมาย และสำหรับใครที่เทรดเป็นประจำ ก็ไม่ควรจะพลาดโปรแกรม Trade Your Presents ที่ให้รางวัลตามจำนวนล็อตที่คุณเทรด ยิ่งเทรดมาก ยิ่งได้มาก ไม่ใช่เพียงแค่เงินเครดิตแต่รวมทั้งของขวัญสุดพรีเมียมอีกเยอะ

สิ่งที่ทำให้โบนัสของ ZFX น่าสนใจกว่าโบรกเกอร์อื่นคือ ข้อตกลงที่เป็นมิตรกับนักเทรด ไม่มีข้อระบุสลับซับซ้อน ไม่ต้องทำเทิร์นเวอร์มากมายเหมือนบางโบรกที่ให้โบนัสแต่ถอนเงินยาก และที่สำคัญที่สุด ZFX ยังมีการอัปเดตโบนัสใหม่ๆอยู่เสมอ ทำให้คุณมีโอกาสรับข้อเสนอพิเศษก่อนใคร โดยเหตุนั้น ถ้าหากคุณต้องการโบรกเกอร์ที่ไม่เพียงแค่แต่ให้แพลตฟอร์มการเทรดที่แข็งแกร่ง แต่ยังมี โบนัสที่ช่วยทำให้การเทรดของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ZFX คือคำตอบที่คุณไม่ควรจะดูข้าม



zfx bonus ตรวจสอบความจริง ตัวช่วยที่นักเทรดต้องรู้หรือเพียงการตลาด?

ถ้าหากพูดถึงโบนัสจากโบรกเกอร์ หลายคนคงสงสัยว่า มันคือโอกาสเพิ่มทุนจริงๆหรือเพียงแค่กลยุทธ์ดึงดูดลูกค้า? เนื่องจากในโลกของการเทรด พวกเรามักมองเห็นโบรกเกอร์แข่งกันแจกโบนัสสารพัดรูปแบบ ตั้งแต่โบนัสเงินฝาก โบนัสเทรดฟรี ยันโบนัสคืนเงิน บางเจ้าก็แจกหนักจนกระทั่งดูเหมือนแจกเงินให้ฟรีๆแต่สุดท้ายกลับมีเงื่อนไขสลับซับซ้อนกระทั่งทำให้ถอนเงินไม่ได้ แล้วสำหรับ zfx bonus ล่ะ? เรียกได้ว่าเป็นโบนัสที่ช่วยทำให้เทรดเดอร์ได้เปรียบเทียบจริง หรือเป็นเพียงแค่โปรโมชั่นหลอกตา?

ประการแรกต้องบอกเลยว่า ZFX มีจุดยืนที่แตกแตกต่างจากโบรกเกอร์ทั่วๆไป เนื่องจากว่าไม่ได้มาเล่นใหญ่เพื่อเพียงแค่เรียกยอดสมัคร แต่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็น โบนัสเครดิต 20% ที่เพิ่มทุนให้เทรดเดอร์จากทุกยอดฝาก โดยสามารถสะสมได้สูงสุดถึง $5,000 จุดที่น่าสนใจคือ โบนัสนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เงินดิจิทัลในระบบ แต่สามารถเอาไปใช้เทรดจริงได้ ซึ่งแตกแตกต่างจากบางโบรกที่ให้โบนัสมาเพียงแค่เป็นตัวเลขแต่ไม่สามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้จริง

แต่แน่นอน โบนัสทุกตัวก็มีข้อระบุ ตัวอย่างเช่น ต้องมีการเทรดครบตามข้อตกลงก่อนถึงจะสามารถถอนกำไรออกมาได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เจอได้ในทุกโบรกเกอร์ ส่วนอีกโปรที่หลายคนพูดถึงคือ Trade Your Presents ที่เปลี่ยนทุกล็อตที่เทรดให้กลายเป็นของรางวัลแทนเงินสด ยิ่งเทรดมาก ยิ่งมีสิทธิ์ได้รับรางวัลมากขึ้น

ซึ่งโปรนี้เหมาะสำหรับคนที่เทรดประจำอยู่แล้ว และมองหา ความคุ้มค่าที่ได้มากกว่าผลกำไรจากการเทรด สิ่งที่ทำให้โบนัสของ ZFX น่าสนใจคือ ไม่มีเงื่อนไขที่สลับซับซ้อนเกินไป ไม่มีการบังคับล็อคบัญชี ไม่มีข้อระบุที่ทำให้เทรดเดอร์รู้สึกเสียเปรียบ และสามารถใช้เป็นเครื่องมือช่วยเสริมสภาพชำนาญได้จริง ทำให้เป็นตัวช่วยเพิ่มโอกาสทำเงินสำหรับคนที่รู้จักใช้มันให้เป็น ซึ่งบอกเลยว่าจะช่วยทำให้คุณประยืดเงินได้อีกมากเลยทีเดียว

แนะนำเทคนิคการใช้ zfx bonus เพื่อผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในการเทรด!

โบนัสจากโบรกเกอร์อาจดูเป็นเพียงแค่ของแถมฟรีที่หลายคนดูข้าม หรือบางคนอาจรู้สึกว่าเป็นเพียงแค่กลยุทธ์ทางการตลาด ที่สุดท้ายแล้วไม่ได้ช่วยทำให้ได้ผลกำไรจริง แต่ถ้าเกิดคุณเข้าใจวิธีใช้ zfx bonus ให้ถูกวิธี มันสามารถกลายเป็น เครื่องมือสำคัญ ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำเงิน ลดความเสี่ยง และสร้างความได้เทียบให้กับพอร์ตของคุณได้แบบไม่ต้องลงทุนเพิ่ม แล้วก็ให้เทรดเดอร์มืออาชีพใช้โบนัสให้คุ้มค่าอย่างไร? วันนี้พวกเรามีเทคนิคที่ต้องทราบมาบอก

1. เข้าใจประเภทของโบนัสก่อนใช้
โบนัสแต่ละแบบมีฟังก์ชันและข้อตกลงที่ต่างกัน หากคุณรับโบนัสโดยไม่อ่านเนื้อหา อาจพลาดโอกาสหรือใช้ผิดวัตถุประสงค์ ได้แก่ โบนัสเครดิต 20% ของ ZFX เหมาะสำหรับการเพิ่มขนาดพอร์ตโดยที่คุณยังคงใช้เงินลงทุนของตนได้เต็มจำนวน ในขณะที่ โบนัสเทรดคืนผลกำไร (Rebate Bonus) อาจเหมาะกับเทรดเดอร์ที่เปิดออเดอร์เป็นประจำและต้องการค่าคอมมิชชั่นคืน

2. ใช้โบนัสเป็น 'กันชน' ลดความเสี่ยง ไม่ใช่เพิ่มความโลภ
นักเทรดหลายคนพอได้รับโบนัสแล้วชอบใช้เปิดออเดอร์ขนาดใหญ่เกินไป เพราะว่ามีความคิดว่า "ยังไงก็เป็นเงินฟรี" แต่การใช้โบนัสแบบนี้อาจทำให้คุณพอร์ตแตกเร็วกว่าที่คิด ทางที่ดีคือ ใช้โบนัสเป็นกันชน หรือ Buffer เพื่อลดความเสี่ยง ยกตัวอย่างเช่น แม้คุณวางแผนเทรดด้วยทุน 1,000 USD แล้วได้โบนัส 20% เพิ่มมาอีก 200 USD แทนที่จะเปิดออเดอร์ใหญ่ขึ้น ให้ใช้เงินโบนัสนั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนบริหารความเสี่ยง ดังเช่น ใช้รองรับ Drawdown หรือขยาย Stop Loss ให้อยู่ในจุดที่ปลอดภัยขึ้น

3. จัดการกลยุทธ์การเทรดให้ใส่คล้องกับโบนัส
การใช้โบนัสให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ได้หมายความว่าต้องรีบเทรดให้หมด แต่ควรที่จะใช้ให้ใส่คล้องกับแผนการลงทุนของคุณ อย่างเช่น ถ้าหากโบนัสมีเงื่อนไขว่าต้องเทรดครบจำนวนล็อตที่ระบุถึงจะถอนเงินได้ แทนที่จะรีบเปิดออเดอร์ใหญ่เพื่อให้ครบจำนวน ให้ใช้การเทรดแบบกระจาย (Scaling) เบาๆเทรดในจังหวะที่เหมาะสม อย่าเทรดเพียงแต่เนื่องจากว่าต้องการทำเทิร์นโอเวอร์เร็วๆเพราะว่านั่นอาจทำให้คุณเสี่ยงเสียมากกว่าที่ควรจะ

4. ติดตามโปรโมชันและข้อแม้ใหม่ๆอยู่ตลอด
หลายคนเห็นว่าโบนัสจากโบรกเกอร์เป็นของตาย แต่ความจริงคือ โปรโมชันของ ZFX มีการอัปเดตอยู่เสมอ เทรดเดอร์ที่ฉลาดหลักแหลมต้องรู้จักติดตามข่าวสารสาร ด้วยเหตุว่าบางครั้งมีโบนัสพิเศษที่ให้มากกว่าเดิม ได้แก่ โบนัสพิเศษช่วงเทศกาล โบนัสสำหรับลูกค้าประจำ หรือถึงแม้กระทั่งโบนัสพิเศษสำหรับการฝากเงินจำนวนมากขึ้น การทราบข้อมูลก่อนที่จะทำให้คุณสามารถ เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับโบนัส และวางแผนการลงทุนได้อย่างแม่นยำขึ้น

5. ใช้โบนัสเพื่อทดลองระบบเทรดใหม่ๆ
ถ้าคุณกำลังอยากลองกลยุทธ์ใหม่หรือทดลองระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) การใช้โบนัสแทนเงินจริงของตนเองเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากคุณต้องการลองเทรดด้วยเลเวอเรจสูงมากขึ้น หรือเปลี่ยนแนวการเทรด ดังเช่นว่า จาก Day Trading ไปเป็น Swing Trading การมีโบนัสช่วยซัพพอร์ต จะมีผลให้คุณสามารถทดลองได้โดยไม่ต้องกลัวเสียทุนทั้งหมด

6. ถอนกำไรออกให้เร็วเมื่อทำได้
โบนัสอาจเป็นเงินที่ให้เพิ่มเข้ามา แต่ผลกำไรที่คุณทำได้จากโบนัสนั้น คือเงินจริงที่ถอนออกมาใช้ได้ ด้วยเหตุนั้นเมื่อคุณได้กำไรได้ตามเป้าหมาย ให้ถอนกำไรออกเป็นช่วงๆเพื่อลดความเสี่ยงในการเสียคืนตลาด และยังช่วยทำให้คุณมีทุนหมุนเวียนไปใช้ต่อได้โดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยโบนัสตลอดเวลา

สุดท้ายแล้ว โบนัสจึงไม่ใช่เพียงแค่ของแถมฟรี แต่มันคือเครื่องมือที่สามารถช่วยทำให้คุณเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น ถ้าหากคุณรู้จักใช้มันอย่างถูกต้อง แทนที่จะเห็นว่าเป็นเงินฟรีที่ใช้ได้ตามใจถูกใจ ให้เห็นว่าเป็นแต้มต่อที่ช่วยทำให้คุณจัดการความเสี่ยง วางแผนการลงทุน และเพิ่มโอกาสในการทำเงินได้มากขึ้น หากคุณใช้มันให้เป็น คุณจะพบว่าโบนัสไม่ใช่เรื่องของการตลาด แต่เป็น อีกหนึ่งอาวุธลับของเทรดเดอร์ที่ฉลาดหลักแหลมในการบริหารเงินทุนนั่นเอง
8
เครื่องมือช่วยเทรด forex อัตโนมัติ คืออีกหนึ่งนวัตกรรมที่เข้ามาตอบปัญหาไลฟ์สไตล์ของคนแบบใหม่ที่ต้องการผลจากการลงทุน แต่ไม่มีเวลามานั่งกดดูกราฟทั้งวันแบบครั้งก่อน ทุกวันนี้ความสะดวกสบายกลายเป็นปัจจัยหลักของการดำเนินชีวิต ซึ่งระบบเทรดอัตโนมัติหรือที่บางคนเรียกว่า EA (Expert Advisor) นั้นเกิดขึ้นเพื่อช่วยทำให้การดูแลพอร์ตและการออกคำบัญชาซื้อขายกลายเป็นเรื่องง่าย แทนที่จะต้องเฝ้าหน้าจอตั้งแต่เช้าไปจนถึงเย็น ผู้ใช้งานสามารถระบุกลยุทธ์ที่ต้องการไว้ล่วงหน้า อาทิเช่น วางเงื่อนไขการเปิดออเดอร์เมื่อราคาถึงแนวรับหรือแนวต้านทาน ตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit ตามที่วางแผน

ทั้งหมดนี้ระบบจะจัดการให้โดยอัตโนมัติ ทำให้จุดเด่นของเครื่องมือช่วยเทรดประเภทนี้คือการวิเคราะห์ตลาดได้อย่างเป็นกลาง ไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ลดโอกาสการตัดสินใจผิดพลาดเนื่องจากว่าความโลภหรือความกลัว ยิ่งกว่านั้น ยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆที่เสริมเข้ามา ยกตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง (Backtesting) การเทรดตามข่าวสาร หรือถึงแม้แต่การปรับพฤติกรรมตามสภาพตลาดในช่วงเวลาต่างๆซึ่งเปิดโอกาสให้คนแบบใหม่ที่ไม่ต้องต้องมีประสบการณ์สูงสามารถเทรดได้อย่างมืออาชีพ วัยทำงาน หรือถึงแม้แต่คนที่ต้องการหารายได้เสริมจากการลงทุน ระบบอัตโนมัติช่วยกำจัดปัญหาความจำกัดด้านเวลาและความต้องการเฝ้าหน้าจอแบบถี่มาก เหลือเพียงแค่รอติดตามผลอาทิตย์ละครั้งหรือเดือนละครั้งเท่านั้น

ที่สำคัญอย่าลืมปรับ Money Management ให้เหมาะกับงบประมาณของตัวเองด้วย ระบบแบบนี้แม้ว่าจะช่วยลดภาระหน้าที่ไปได้มาก แต่ก็ยังต้องมีระเบียบในการตั้งกลยุทธ์และเป้าหมายกำไรที่ชัดเจน เพื่อให้เครื่องมือสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในระยะยาว เมื่อพร้อมรวมทั้งเพียงแค่ปล่อยให้เครื่องมือช่วยเทรด forex อัตโนมัติจัดการทุกอย่างให้คุณ เท่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องต้องเป็นมนุษย์ติดจออีกต่อไป



เครื่องมือช่วยเทรด forex สำหรับนักลงทุนที่ต้องการพอร์ตที่แข็งแกร่งและเข้ากับกลยุทธ์!

เครื่องมือช่วยเทรด forex ไม่ได้มีไว้เพียงแค่เปิดออเดอร์ซื้อขายเท่านั้น แต่ยังมีหัวใจหลักในการวางโครงสร้างของพอร์ตให้มั่นคงและสามารถเติบโตได้อย่างจีรังยั่งยืน หลายคนที่เข้ามาสู่ตลาดใหม่ๆชอบจุดโฟกัสที่การทำเงินระยะสั้นเพียงแค่อย่างเดียว แต่การจะสร้างพอร์ตให้แข็งแกร่งจำเป็นต้องต้องมีการวางแผนระยะยาวและเลือกใช้เครื่องมือที่ตอบปัญหากลยุทธ์ของตน ถ้าหากคุณเป็นสาย Scalping ที่ต้องการเข้าออกออเดอร์อย่างเร็ว อาจมองหาอินดิเคเตอร์ช่วยจับสัญญาณความผันแปร ส่วนสาย Swing หรือ Day Trading ก็อาจใช้เครื่องมือที่ช่วยเจาะจงแนวรับแนวต่อต้าน พร้อมฟังก์ชันการแจ้งเตือนเมื่อราคาหลุดกรอบ

อีกทั้งยังสามารถเสริมด้วย EA เพื่อจัดการคำบัญชาซื้อขายเมื่อสัญญาณพร้อม นอกจากนั้นยังมีเครื่องมือบริหารความเสี่ยง เป็นต้นว่า ระบบตั้งค่า Stop Loss อัตโนมัติ ที่รอป้องกันไม่ให้พอร์ตเสียหายรุนแรงเกินไป รวมทั้งเครื่องมือวางแผน Money Management ที่ช่วยกำครั้งดรูปร่างทุนต่อแต่ละออเดอร์ หรือการแบ่งพอร์ตตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ สิ่งสำคัญคือการปรับแต่งเครื่องมือให้ใส่คล้องกับสภาพตลาดและสไตล์การเทรดของพวกเรา เพราะเหตุว่าไม่มีเครื่องมือใดที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกคน พวกเราจึงต้องทำความเข้าใจและทดลองใช้หลายอย่าง เพื่อหาจุดลงตัวที่ทำให้พอร์ตเติบโตอย่างแข็งแกร่งโดยไม่บีบคั้นด้านอารมณ์กระทั่งเกินไป

เมื่อได้องค์ประกอบครบทั้งตัวช่วยวิเคราะห์ การกำทีดจุดเข้าที่แม่นยำ การบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ และการใช้เครื่องมือช่วยเทรด forex ในการปิด-เปิดออเดอร์อัตโนมัติแล้ว พอร์ตของคุณก็จะมีภูมิยับยั้งพร้อมต่อกรความแปรผัน และเดินหน้าไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างมั่นคง

เครื่องมือช่วยเทรด Forex วิเคราะห์กราฟและติดตามเทรนด์ได้ก่อนใคร, ทำกำไรได้เร็วขึ้น!

เครื่องมือช่วยเทรด forex มีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์กราฟอย่างมืออาชีพ ช่วยทำให้เทรดเดอร์สามารถเห็นเทรนด์และโอกาสที่หลบซ่อนอยู่ในตลาดได้อย่างเฉียบคม ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีอัปเกรดสกิลในการอ่านชาร์ต ลองเริ่มด้วยการผสมผสานอินดิเคเตอร์พื้นฐานเข้ากับหลัก Price Action ดังเช่น การใช้ Moving Average เพื่อดูแนวโน้มใหญ่ รวมกับการพิจารณาแท่งเทียนกลับตัวในบริเวณสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณแนวรับหรือแนวต่อต้าน แล้วต่อยอดด้วยการเพิ่มอินดิเคเตอร์เสริมอย่าง MACD, RSI, EMA และอื่นๆเพื่อเจาะลึกว่าราคามีลัษณะทิศทางจะดีดกลับหรือวิ่งต่อในทิศทางใด

นอกเหนือจากนั้น เครื่องมือช่วยเทรด forex สมัยใหม่ยังมีระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติที่สามารถส่ง Notification มายังโทรศัพท์ทันที เมื่อราคาทะลุหรือดีดตัวจากจุดที่พวกเรากำหนดไว้ ช่วยทำให้พวกเรามีเวลาตัดสินใจได้เร็วกว่าคนทั่วๆไป และไม่พลาดโอกาสสำคัญในการเข้าได้กำไร อย่างไรก็ดี การจะวิเคราะห์กราฟแบบโปรไม่ใช่เพียงแค่การพึ่งพิงอินดิเคเตอร์ 100% แต่พวกเราต้องฝึกฝนพินิจโครงสร้างตลาด พร้อมกันกับการทำความเข้าใจปัจจัยพื้นฐาน อย่างข่าวสารเศรษฐกิจหรือเหตุการณ์ที่อาจมีผลต่อค่าเงิน เพื่อประกอบเป็นภาพใหญ่ที่แม่นยำเพิ่มขึ้น

เมื่อเครื่องมือช่วยเทรดกลุ่มนี้ถูกใช้อย่างถูกวิธี มันจะกลายเป็นเหมือนเรดาร์ล้ำสมัยที่ช่วยทำให้พวกเราเห็นเทรนด์หรือสัญญาณการกลับตัวของราคาได้ก่อนใคร เปรียบได้กับมีเข็มทิศชี้ทางอยู่เสมอเวลา ทำให้การตัดสินใจเทรดของพวกเรามีคุณภาพมากขึ้น ลดความเสี่ยงจากการไล่ราคาหรือการเปิดออเดอร์สวนเทรนด์โดยไม่ตั้งใจ สุดท้ายแล้ว การมีชุดเครื่องมือที่ครบครัน ผสานกับการฝึกหัดอ่านกราฟและประสบการณ์จริง จะช่วยทำให้คุณยกระดับสู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพได้อย่างมั่นใจขึ้นได้อย่างน่าไม่น่าเชื่อ
9
ในภูมิทัศน์การซื้อขายในตอนนี้ คุณไม่จำเป็นต้องต้องเลือกระหว่างสองทางเลือกอีกต่อไป: "การซื้อขายด้วยตัวเอง" ซึ่งต้องมีการตรวจสอบแผนภูมิอย่างตลอด หรือ "การซื้อขายอัตโนมัติเต็มรูปแบบ" ซึ่งบอทจะจัดการทุกอย่างแทนคุณ ตอนนี้มีทางเลือกที่ยืดหยุ่นและควบคุมได้ที่เรียกว่า "เทรดกึ่งออโต้" ระบบนี้ผสมผสานความสามารถในการวิเคราะห์ของ Expert Advisor (EA) เข้ากับความสามารถของผู้ซื้อขายในการเปิดหรือปิดคำสั่งด้วยตัวเอง ช่วยทำให้วิเคราะห์ได้อย่างรอบคอบ ขณะเดียวกันก็เปิดใช้งานการดำเนินการได้ทันเวลา

แนวทางนี้ให้ความยืดหยุ่นสูงสุดในโลกการซื้อขาย ช่วยทุเลาข้อผิดพลาดทางอารมณ์ที่คล้ายกับที่ระบบการซื้อขายอัตโนมัติเต็มรูปแบบพบเจอ ในขณะเดียวกันก็ยังให้ผู้ซื้อขายมีอิสระในการปรับแต่งกลยุทธ์ของตัวเอง ผู้ซื้อขายสามารถตัดสินใจได้ว่าต้องการความช่วยเหลือจากระบบมากแค่ไหน ไม่ว่าจะพึ่งระบบ 80% 50% หรือต่ำลงมากยิ่งกว่านั้น โดยปรับแต่งกลยุทธ์ให้เหมาะกับความต้องการส่วนบุคคลของตัวเอง วิธีนี้นับว่าเป็นแนวทางการซื้อขายที่หลักแหลมและสมดุล ซึ่งใส่คล้องกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน



ระบบเทรดกึ่งออโต้เพิ่มประสิทธิภาพกับเทรดเดอร์ทุกระดับหรือไม่?

เทรดกึ่งออโต้ อยู่ระหว่างการซื้อขายแบบแมนนวล ซึ่งการวิเคราะห์ตลาดทั้งหมดจะดำเนินการอย่างอิสระ และการซื้อขายแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ซึ่งซอฟต์แวร์จะตัดสินใจแทนคุณ เทรดเดอร์ที่ใช้ระบบครึ่งหนึ่งอัตโนมัติจะได้รับประโยชน์จาก AI หรืออัลกอริทึมที่วิเคราะห์ตลาดและให้สัญญาณเข้าและออกที่เหมาะสมในขณะที่ยังคงความสามารถในการตัดสินใจอย่างอิสระ นี่คือเหตุผลที่วิธีนี้สามารถเอาชนะวิธีอื่นได้ในบางสถานการณ์:

1.การติดตามแผนภูมิที่ลดลงพร้อมการควบคุมที่คงอยู่
เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องต้องจ้องหน้าจอตลอดทั้งวันอีกต่อไป ระบบจะวิเคราะห์สภาพตลาดและแจ้งเตือนผู้ใช้ถึงเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าและออกจากการซื้อขาย ช่วยทำให้เทรดเดอร์สามารถตรวจสอบข้อมูลและตัดสินใจว่าจะเปิดคำบัญชาซื้อหรือไม่ ช่วยลดภาระหน้าที่ทางความคิดในขณะที่ยังคงควบคุมได้

2.ข้อผิดพลาดในการซื้อขายด้วยอารมณ์ที่ลดลง
อารมณ์เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดการสูญเสียในการซื้อขาย ระบบครึ่งอัตโนมัติช่วยลดการตัดสินใจโดยบุ่มบ่ามฉับพลันแล่นโดยเตือนผู้ซื้อขายว่า "นี่คือจุดเข้าที่คำนวณไว้แล้ว" จึงทำให้พวกเขามีเวลามากขึ้นในการประเมินทางเลือกอย่างรอบคอบ

3.ปรับแต่งกลยุทธ์ได้ดีมากยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับ EA อัตโนมัติเต็มรูปแบบ
EA อัตโนมัติเต็มรูปแบบทำงานตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและชอบไม่ยืดหยุ่น ในทางตรงกันข้าม การซื้อขายแบบกึ่งอัตโนมัติช่วยทำให้ผู้ซื้อขายสามารถปรับข้อตกลงตามพลวัตของตลาด ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนสัญญาณ เลือกคู่สกุลเงิน หรือปรับขนาดล็อตให้เหมาะกับสถานการณ์ได้

4.ความเสี่ยงต่ำยิ่งกว่าจากการพึ่งพาอาศัยระบบ 100%
EA อัตโนมัติเต็มรูปแบบอาจประสบปัญหาในระหว่างเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ดังเช่น ความปั่นป่วนของตลาดหรือข่าวสารที่เกิดขึ้นฉับพลัน แนวทางแบบกึ่งอัตโนมัติช่วยทำให้ผู้ซื้อขายสามารถแทรกแซงได้ตามความจำเป็นต้อง เพื่อป้องกันการส่งคำบัญชาที่ผิดพลาด

5.เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์
คนเริ่มต้นสามารถใช้ประโยชน์จากระบบกึ่งอัตโนมัติเพื่อวิเคราะห์ตลาดโดยไม่ต้องต้องเดาทิศทางของตลาด ในขณะที่เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์สามารถใช้เครื่องมือพวกนี้เพื่อปรับแต่งกลยุทธ์และลดภาระหน้าที่งานในการวิเคราะห์

เลือกเครื่องมือเทรดกึ่งออโต้อย่างไรให้ตรงใจ

เมื่อเลือกเครื่องมือ เทรดกึ่งออโต้ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาไม่แค่เพียงกำไรหรือความนิยมเท่านั้น แต่รวมทั้งว่าเครื่องมือนั้นใส่คล้องกับรูปแบบการเทรดของคุณมากเท่าใด เริ่มด้วยการถามตนเองว่า: ฉันต้องการการสนับสนุนชี้เฉพาะใดจากระบบ ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือเฉพาะด้านการแจ้งเตือนสัญญาณ เครื่องมือที่เน้นการวิเคราะห์แนวโน้มและตัวบ่งชี้อาจเพียงแต่พอ อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดคุณต้องการคุณสมบัติการจัดการคำบัญชา เป็นต้นว่า Stop Loss, Take Profit หรือการปรับ SL อัตโนมัติ ให้เลือกเครื่องมือที่มีความสามารถในการจัดการความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง

ต่อไป ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากลยุทธ์ของเครื่องมือใส่คล้องกับแนวทางการเทรดของคุณ ตัวอย่างดังเช่น นักเก็งกำไรที่เน้นการซื้อขายระยะสั้นจะได้รับประโยชน์จากเครื่องมือที่ให้สัญญาณที่เร็วทันใจและแม่นยำ ในขณะที่เทรดเดอร์ที่ติดตามแนวโน้มควรจะเลือกใช้เครื่องมือที่เชี่ยวชาญในการเจาะจงแนวโน้มหลักในขณะที่กรองสัญญาณเท็จออกไป

นอกเหนือจากนั้น ตรวจสอบความน่าวางใจของเครื่องมือ อย่าปล่อยให้โฆษณาที่น่าดึงดูดใจมาชักพาใจคุณ ตรวจสอบผลการทดลองย้อนหลัง ประสิทธิภาพการซื้อขายแบบเรียลไทม์ และรีวิวจากผู้ใช้เพื่อประเมินประสิทธิภาพ ที่สำคัญ ให้แน่ใจว่าเครื่องมือมีคุณสมบัติการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ เป็นต้นว่า ความสามารถในการกำครั้งดจุดตัดขาดทุนหรือปรับขนาดล็อตเพื่อตอบตอบสนองต่อความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอ แม้ไม่มีสิ่งพวกนี้ หากแม้แต่สัญญาณที่ดีที่สุดก็อาจทำให้ขาดทุนจำนวนมากได้

สุดท้าย ให้ทดลองเครื่องมือเสมอ ก่อนที่จะตัดสินใจ เครื่องมือที่ใช้ได้ผลในด้านดีกับคนอื่นๆอาจไม่เหมาะกับรูปแบบการซื้อขายของคุณ การค้นหาเครื่องมือที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวคุณเองเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากระบบการซื้อขายแต่ละระบบอาจมีการกำครั้งดค่าที่แตกแตกต่าง นี่คือเหตุผลที่ EA THAILAND ออกแบบระบบที่มีความยืดหยุ่นและปรับแต่งได้เพื่อให้เหมาะกับสไตล์ของคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่ต้องการความช่วยเหลือหรือเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ที่ต้องการลดการติดตามแผนภูมิ เครื่องมือของพวกเราออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประสบการณ์การซื้อขายของคุณ พร้อมทั้งให้คุณสามารถควบคุมการจัดการความเสี่ยงของคุณได้ ทำให้คุณสร้างระบบการซื้อขายส่วนตัวของคุณได้อย่างง่ายดาย